เส้นใหญ่ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

จะว่าไปแล้วเมนูเส้นถือเป็นเมนูยอดฮิตคู่ใจของผู้คน เพราะสามารถดัดแปลงเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย และเมนูเส้นอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมก็คือ เส้นใหญ่ ที่เมื่อนำไปเป็นส่วนประกอบของเมนูไหนก็ติดใจอร่อยเหาะ แต่สำหรับคนที่ต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนัก ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ถึงพลังงานของอาหารที่กินเข้าไปด้วยเพื่อที่จะได้บรรลุจุดประสงค์สูงสุด และวันนี้เราจะมาเกาะติดกับประโยชน์ พลังงานและเทคนิคการเลือกกินเส้นใหญ่สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักกันค่ะ

ประโยชน์ จาก เส้นใหญ่

เส้นใหญ่ เป็นเส้นที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้ากับน้ำจึงเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตและให้พลังงานต่อร่างกาย ซึ่งความที่เป็นแป้งเส้นใหญ่จึงมีประโยชน์หลายอย่าง ได้แก่

  1. ช่วยให้อิ่มท้อง ให้พลังงานและ ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย
  2. ช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญไขมันทำงานได้เป็นปกติ
  3. ช่วยให้สมองสดชื่นและไม่เหนื่อยล้า
  4. เสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์
  5. ช่วยสงวนโปรตีนไว้เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เส้นใหญ่ กี่แคล

เส้นใหญ่เป็นเส้นที่ทำมาจากแป้งข้าวจ้าวที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตทำให้เส้นใหญ่ถือเป็นเส้นที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง โดยเส้นใหญ่ 100 กรัม จะให้พลังงานที่ 220 กิโลแคลอรี่ แถมยังเป็นเส้นที่ดูดซับน้ำมันได้ดี ยิ่งเส้นใหญ่ที่ใส่น้ำมันเคลือบเส้นเอาไว้เพื่อให้มีความมันวาวและเก็บได้นานขึ้นอีกนิดหน่อย พลังงานก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

วิธีรับประทานเส้นใหญ่ ให้มีผล การลดน้ำหนัก

เส้นใหญ่หรือเส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นเส้นที่ทำจากแป้งข้าวจ้าวผสมกับน้ำจากนั้นนำไปนึ่งจะได้แผ่นก๋วยเตี๋ยวบางๆและนำมาตัดให้เป็นเส้นยาวๆ เส้นใหญ่ตามท้องตลาดตอนนี้จะมีให้เห็นอยู่หลักๆ 2 ประเภท คือ แบบมีน้ำมันและแบบไร้น้ำมัน
แบบมีน้ำมันก็จะใส่น้ำมันเคลือบตัวแป้งเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกันและมีความมันวาวสวยงาม แบบไร้น้ำมันก็คือเมื่อแป้งสุกและตัดเป็นเส้นแล้วก็เก็บรวมไว้เพื่อรับประทานหรือขายโดยที่ไม่ใส่น้ำมันเคลือบที่เส้น
หลังจากที่หลายคนได้รู้ถึงพลังงานของเส้นใหญ่แล้วคงไม่อยากที่จะเลือกเท่าไร ซึ่งจริงๆแล้วคนลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักก็สามารถรับประทานเส้นใหญ่ได้ เพียงแต่ควรเลือกรับประทานแบบที่ไม่ใส่น้ำมันเคลือบ โดยเวลาไปเลือกซื้อให้ลองสังเกตความมันวาวของเส้นดู หากเส้นมันวาวแปลว่าใส่น้ำมัน แต่หากเส้นไม่มันวาวแปลว่าไม่ใส่น้ำมันหรือใส่น้อยกว่าค่ะ
นอกจากนี้ตอนที่รับประทานเส้นใหญ่อาจรับประทานแค่ 50 กรัมและเติมผักหรือผลไม้ให้เยอะขึ้น พยายามเลือกรับประทานเส้นใหญ่แบบก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำซุปมากกว่านำมาผัดหรือผ่านกระบวนการที่ต้องใช้น้ำมัน และ หลีกเลี่ยงการใส่เครื่องปรุงที่มากเกินไปโดยเฉพาะ ซอส น้ำปลา น้ำตาล เป็นต้น

ข้อควรระวังในการกิน เส้นใหญ่

เส้นใหญ่เป็นเส้นที่มีอายุสั้นเหมาะสำหรับรับประทานในทันทีหรือเก็บได้ไม่เกิน 1-2 วัน (ถ้าเป็นเส้นที่เคลือบน้ำมันจะเก็บได้ 1-2 วันแต่ถ้าเป็นเส้นที่ไร้น้ำมัน จะเก็บได้แค่ 1 วันเท่านั้น) แถมเส้นใหญ่ยังเป็นเส้นที่มีความชื้นสูงทำให้เสียได้ง่าย จึงควรรับประทานวันต่อวันโดยเฉพาะเส้นที่ไร้น้ำมัน ส่วนเส้นใหญ่ที่เคลือบน้ำมันอาจมีสารปนเปื้อนของสารกันบูดหรือมีน้ำมันที่มากเกินไป เพราะเส้นจะดูดซับน้ำมันได้ดีอยู่แล้วอาจเสี่ยงต่อการเวียนหัวจากบางเจ้าที่ใช้น้ำมันกลิ่นหืนมาเคลือบ แถมยังอาจจะเสี่ยงต่อเชื้อราต่างๆได้อีกด้วย

ลดน้ำหนักก็สามารถกินเส้นใหญ่ได้แต่ควรลดปริมาณลงและเติมผักเข้าไปและเลือกเส้นที่ทำสดใหม่ไม่ใส่น้ำมัน

เส้นใหญ่สำหรับการลดน้ำหนักหลายคนอาจกลัว แท้ที่จริงแล้วเส้นใหญ่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่เราปรับวิธีการกินและลดปริมาณลงแต่เพิ่มของที่มีประโยชน์เข้าไป อย่างเช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ลดการใส่เครื่องปรุงที่มากเกินไป แค่นี้ถึงจะลดน้ำหนักยังไงก็ยังกินของที่ชอบได้ไม่ต้องกลัวอ้วนหรือรู้สึกผิดต่อร่างกายค่ะ

1

2

Related posts

  1. เส้นเล็กกี่แคลกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    เส้นเล็กกี่แคลกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  2. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  3. ข้าวมันไก่ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  4. ข้าวเหนียวหมูปิ้งกี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  5. ขนมจีน กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ขนมจีน กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  6. ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  7. เส้นหมี่กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  8. ข้าวขาหมู กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  9. ขนมปัง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ขนมปัง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด