ข้าวโอ๊ตกี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

ข้าวโอ๊ตกี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารประเภทธัญพืชไม่ขัดสี เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมื้อเช้า เพราะมีโปรตีนสูงและช่วยให้อิ่มนานขึ้น คุณสามารถมีข้าวโอ๊ตได้หลายวิธี เช่น ข้าวโอ๊ตแบบดิบสามารถผสมข้าวโอ๊ตกับโยเกิร์ต นมอัลมอนด์ และผลไม้สด ข้าวโอ๊ตปรุงสุกสามารถนำมาใช้ในมัฟฟิน คุกกี้ แพนเค้ก หรือขนมหวานอื่นๆนอกจากนี้ยังสามารถแปลงเป็นอาหารอร่อยๆได้อีกหลายๆเมนู

ประโยชน์ จากข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่อุดมด้วยสารอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเช้า อาหารกลางวัน หรืออาหารเย็นที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ โปรตีน วิตามินอี วิตามิน B6 โฟเลต ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี และไทอามีน ประโยชน์หลักๆของข้าวโอ๊ต ได้แก่

  1. ข้าวโอ๊ตมีคะแนนดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือภาวะดื้อต่ออินซูลิน
  2. ดีต่อหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
  3. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล และลดความดันโลหิต
  4. ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยลดอาการท้องผูก ลดคอเลสเตอรอลและควบคุมน้ำหนัก
  5. ข้าวโอ๊ตยังเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีเยี่ยม ซึ่งคุณจำเป็นต้องสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
  6. ราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายมีจำหน่ายทั่วไปในร้านขายของชำหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป

ข้าวโอ๊ต กี่แคล

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารหลักในหลายวัฒนธรรมด้วยเหตุผลที่ดี ธัญพืชเม็ดเล็กๆ เหล่านี้อัดแน่นไปด้วยไฟเบอร์ โปรตีน และวิตามินเกือบทุกชนิดที่คุณต้องการเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต ข้าวโอ๊ตให้พลังงาน 380แคลอรีต่อ/100g เท่านั้น แถมข้าวโอ๊ตให้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพสำหรับมื้อเช้าหรือแม้แต่เป็นอาหารว่างยามบ่าย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังมีประโยชน์หลากหลายอีกด้วย โดยสามารถรับประทานข้าวโอ๊ตแบบธรรมดาหรือรับประทานกับผลไม้แห้ง ถั่ว หรือเครื่องเทศก็ได้

วิธีรับประทานข้าวโอ๊ต ให้มีผล การลดน้ำหนัก

ซีเรียลข้าวโอ๊ตเป็นอาหารเช้าทั่วไปและยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่นอกจากนี้ยังมีหลายวิธีในการรวมข้าวโอ๊ตเข้ากับอาหารเพื่อสุขภาพ ข้าวโอ๊ตสามารถใช้เป็นเบสสำหรับสมูทตี้เพื่อสุขภาพ หรือรับประทานเป็นเครื่องเคียงร่วมกับแหล่งโปรตีนไม่ติดมัน เช่น ปลา สัตว์ปีก และไข่ หากเบื่อความซ้ำๆเดิมๆ คุณสามารถใส่ลงในซุปและสลัดได้ ตราบใดที่รายการส่วนผสมยังไม่มีรายการแคลอรี่สูง เช่น น้ำสลัดหรือชีส
การสำรวจพบว่าผู้ที่กินธัญพืชไม่ขัดสีอย่างเช่น ข้าวโอ๊ต มีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น ทำให้ทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพลดน้อยลง ผู้ที่รับประทานธัญพืชไม่ขัดสี 3 มื้อต่อวันมีโอกาสน้อยที่จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน

ข้อควรระวังในการกินข้าวโอ๊ต

ถึงแม้เราจะรู้ดีว่าข้าวโอ๊ตนั้นมีคุณค่ามากมายแถมยังเป็นอาหารลดน้ำหนักที่ดีเยี่ยม แต่การรับประทานข้าวโอ๊ตที่มากเกินไปก็อาจจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ไม่แนะนำให้กินแค่ข้าวโอ๊ตเปล่าๆ ควรเพิ่มสารอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อ ไข่ ผัก หรือผลไม้ลงไปด้วย

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารสุขภาพและดีต่อการลดน้ำหนัก

ข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งที่ดีของคาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร และโปรตีน เมื่อเปรียบเทียบข้าวโอ๊ตกับธัญพืชชนิดอื่น ข้าวโอ๊ตจะมีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า ซึ่งหมายความว่าจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณพุ่งสูงขึ้นทันที เบต้ากลูแคนที่พบในข้าวโอ๊ตเป็นที่รู้จักกันในการลดระดับคอเลสเตอรอล จึงเหมาะมากที่จะใช้เป็นอาหารในการลดน้ำหนัก แต่อย่างไรก็ดี ของที่ดีมีประโยชน์หากรับประทานมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายได้ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านั้นเราจึงควรทำทุกอย่างให้อยู่ในความพอดี

1

2

Related posts

  1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  2. ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  3. แบล็กเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    แบล็กเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  4. แตงโม

    แตงโม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  5. ไข่ต้ม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ไข่ต้ม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  6. น้ำเต้าหู้ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  7. กล้วยน้ำว้า กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  8. มัลเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    มัลเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  9. มะม่วงหิมพานต์กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    มะม่วงหิมพานต์กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด