มะม่วงหิมพานต์กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

มะม่วงหิมพานต์ปกติแล้วเราจะทานในส่วนที่เป็นเม็ดของมัน โดยการนำมาอบ มาทอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นของทานเล่นที่ครองใจผู้คนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีรสชาติเฉพาะตัวที่อร่อยถูกปาก ซึ่งนอกจากรสชาติที่อร่อยแล้วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ซึ่งต่อไปนี้เราจะมาบอกถึงคุณประโยชน์ของมะม่วงหิมพานต์ที่เราทุกคนอาจยังไม่รู้กันค่ะ

ประโยชน์ จาก เม็ดมะม่วงหิมพานต์

เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีคุณค่าทางอาหารหลายชนิดมาก แถมยังเป็นอาหารที่ดีสำหรับการกินเพื่อสุขภาพ และหากเราจัดสรรปริมาณการกินที่เหมาะสมก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆได้ ซึ่งประโยชน์ของ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หลักๆได้แก่

  1. ช่วยบำรุงผิวหนังและบำรุงเส้นผม ให้แข็งแรงสุขภาพดี
  2. บำรุงสุขภาพเหงือกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันฟันผุ บรรเทาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้
  3. บำรุงกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
  4. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  5. ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
  6. ช่วยลดความดันโลหิต
  7. ป้องกันโรคไขมันพอกตับ แถมถึงเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะมีไขมันสูงแต่เป็นไขมันอิ่มตัวและไม่สะสมในร่างกาย จึงเหมาะกับการลดความอ้วน
  8. ช่วยให้ร่างกายมีพลัง ป้องกันการหมดเรี่ยวแรง และช่วยในการทำงานของหัวใจ
  9. มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคหลายๆอย่าง

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ กี่แคล

จากประโยชน์ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นให้พลังงานและเส้นใยสูง ซึ่งเม็ด มะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม จะให้พลังงาน 576 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่สำคัญกับร่างกาย

วิธีรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ให้มีผลในการลดน้ำหนัก

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ถึงแม้จะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง มีไขมันสูง แต่ไขมันส่วนใหญ่ก็เป็นไขมันอิ่มตัวที่ทานเข้าไปแล้วจะไม่เพิ่มไขมันในเส้นเลือดแถมยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกมาอีกด้วย ซึ่งนอกจากนี้ยังมีเส้นใยที่ช่วยลดการดูดซึมไขมัน แถมยังมีแมกนีเซียมสูงซึ่งช่วยเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้เม็ดมะม่วงหิมพานต์เหมาะมากสำหรับการรับประทานเพื่อลดน้ำหนัก แต่ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

ข้อควรระวังในการกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์

  1. เม็ดมะม่วงหิมพานต์มีไขมันมากและให้พลังงานสูง ถึงแม้ว่าไขมันนั้นจะเป็นไขมันดีก็ตาม แต่ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป แนะนำไม่เกิน 10 เม็ดต่อครั้ง
  2. ควรระวังสารปรุงแต่งต่างๆ เช่น เนย เกลือ หรือน้ำตาลที่ปนมากับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ด้วย
  3. ควรเลือกรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่สะอาด อยู่ในภาชนะที่ปิดมิดชิดและไม่เก็บไว้นานจนเกินไป
  4. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ยังไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ควรระมัดระวังในการหยิบจับหรือเก็บให้พ้นผิวหนังของเด็กๆ
  5. หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร คนที่แพ้ถั่ว ผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเม็ดมะม่วงหิมพานต์

เม็ดมะม่วงหิมพานต์เหมาะที่จะเป็นอาหารช่วงลดน้ำหนัก แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม

จากข้อมูลที่เราได้หยิบยกไป จะเห็นได้ว่า เม็ดมะม่วงหิมพานต์นั้นมีคุณค่าทางสารอาหารสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างมากๆ แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากกินมากเกินความจำเป็นแทนที่จะได้ประโยชน์อาจส่งผลให้ร่างกายได้รับโทษมากกว่าได้ และอย่าลืมกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับให้เพียงพอ สุขภาพร่างกายของคุณจะได้แข็งแรงไปอีกนานๆค่ะ

1

2

Related posts

  1. สตรอว์เบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    สตรอว์เบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  2. สลัดผัก กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  3. มัลเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    มัลเบอร์รี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  4. ข้าวบาเลย์ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ข้าวบาเลย์ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  5. กระเทียม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  6. ไข่ต้ม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ไข่ต้ม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  7. สลัดผัก กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  8. ถั่วเหลือง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    ถั่วเหลือง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  9. นมถั่วเหลือง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    นมถั่วเหลือง กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด