กะหล่ำปลี กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

กะหล่ำปลี (Cabbage) เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์มาก ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนัก และที่สำคัญยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย กินได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก โดยทั่วไปเรามักจะเห็นกะหล่ำปลีสีเขียว ความจริงแล้วยังมีสีอื่น ๆ อีก อาทิ สีขาว สีม่วง และสีแดง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรที่กินมากไปก็ไม่ดี กินน้อยไป ร่างกายก็อาจได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนได้

กะหล่ำปลี กี่แคล

ที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ากะหล่ำปลีเป็นผักที่มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดีนั้น จะดีแค่ไหน ไปดูกันค่ะ โดยคำณวนจากกะหล่ำปลี 100 กรัมจะให้ พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ ค่ะ

ประโยชน์ของกะหล่ำปลี

ด้วยสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการจากกะหล่ำปลีนั้นมีมากมาย สารอาหารดังกล่าวนั้นให้ประโยชน์ในด้านใดกับร่างกายบ้าง ไปดูกันค่ะ

  1. ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) ทำหน้าที่ยับยั้งและขัดขวางไม่ให้น้ำตาลและแป้งกลายเป็นไขมัน จึงทำให้ไม่เกิดการสะสมของไขมันนั่นเอง
  2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ โดยการกินกะหล่ำปลีมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  3. ช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  4. ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
  5. ช่วยลดอาการเผ็ดร้อน จากการเป็นเครื่องเคียงให้กับส้มตำ และน้ำพริก
  6. รักษาโรคกระเพาะ เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีสารที่ชื่อว่า กลูตามีน เป็นสารที่ช่วยเคลือบกระเพาะได้
  7. กระตุ้นและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันหวัด เพราะในกะหล่ำปลีดิบวิตามินในปริมาณที่สูง
  8. ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง อันเกิดจากการที่กระเพราะไม่ย่อย หรือมีกรดเกิน
  9. ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  10. บำรุงไต
  11. แก้อาการระคายคอและอาการเจ็บคอได้
  12. ช่วยในการขับปัสสาวะ
  13. ช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาทสมองและกระตุ้นการทำงานของสมองได้ดี เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีกรดโฟลิก ซึ่งเป็นกรดสำคัญที่ร่างกายต้องการ
  14. ช่วยชะลอการเกิดผมหงอก เพราะในกะหล่ำปลีมีวิตามินบี 5 ที่ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างเครตินได้อีกด้วย
  15. ช่วยล้างสารพิษในตับ และเสริมสร้างระบบการทำงานของตับให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  16. บรรเทาอาการการปวดตึง หรือคัดเต้านม โดยดึงใบกะหล่ำปลีมาประคบที่เต้านมข้างละใบ ใช้ผ้าพันไว้ และทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แบบไม่ต้องนวดคลึง อาการปวดก็จะหายไป

วิธีกินกะหล่ำปลีให้ได้ประโยชน์สูงสุด

กะหล่ำปลีเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง หากต้องการกินกะหล่ำปลีให้ได้ประโยชน์สูงสุด มีวิธีดังนี้ค่ะ

  1. หากจะนำไปปรุงอาหารวิธีที่ดีที่สุดควรใช้วิธี “นึ่ง” เพราะจะช่วยคงคุณค่าและสารอาหารไว้ได้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรนำไปนึ่ง ผัด หรือต้มจนนานเกินไปนะคะ
  2. ก่อนกินควรล้างกะหล่ำปลีให้สะอาดเสียก่อน โดยลอกเอาเปลือกนอกออกก่อน แช่ในน้ำสะอาดประมาณ 15 – 30 นาที หลังจากนั้นค่อยนำมาล้างแบบให้น้ำไหลผ่านอีกครั้ง แบบนี้ก็จะช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างออกได้ประมาณ 25 – 72% แล้วล่ะค่ะ
    การล้างกะหล่ำปลีกก็สามารถใช้วิธีอื่น ๆ ได้เช่นกัน อาทิ แช่น้ำปูนใส, แช่น้ำด่างทับทิม, แช่น้ำซาวข้าว, ใช้ความร้อน หรือจะแช่น้ำยาล้างผักแบบออร์แกนิค เป็นต้น

ข้อควรระวังจากการกินกะหล่ำปลี

  1. เนื่องจากในกะหล่ำปลีมีเส้นใยอาหารสูง หากกินในปริมาณที่น้อยหรือไม่มากจนเกินไป ก็จะเป็นการช่วยในเรื่องของการขับถ่าย แต่หากกินมากจนเกินไป สารกอยโตรเจนที่มีอยู่ในกะหล่ำปลีจะไปขัดขวางการดูดซึมไอโอดีน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคคอหอยพอก เนื่องจากร่างกายขาดสารไอโอดีนนั่นเอง
  2. กะหล่ำปลีเป็นผักที่มีใชซ้อนกันอย่างหนาแน่น จึงทำให้สารเคมีตกค้างอยู่ในปริมาณที่สูง ก่อนกินควรแกะออกทีละใบ นำมาล้างให้สะอาด อาจใช้น้ำยาล้างผักหรือด่างทับทิมก็ได้ค่ะ แช่ทิ้งไว้ 15 – 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าสะอาด (แบบให้น้ำไหลผ่าน) อีกครั้ง เท่านี้ก็จะช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างในกะหล่ำปลีได้ค่ะ

การกินกะหล่ำปลีดิบก็มีปะรโยชน์ แต่ถ้าต้องการกินกะหล่ำปลีให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรนำกะหล่ำปลีที่ล้างสะอาดแล้วมาผ่านความร้อนก่อน และไม่ควรกินในปริมาณที่มากเกินไปนะคะ

1

2

Related posts

  1. กระเทียม กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  2. สลัดผัก กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  3. ส้มตำ กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  4. แตงกวา กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

    แตงกวา กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด

  5. สลัดผัก กี่แคล กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด